กำจัดนกพิราบ

นกพิราบตัวปัญหาเหลือคณานับ

นกพิราบตัวปัญหาเหลือคณานับ

by

“แค่นกพิราบไม่จำเป็นต้องกำจัดก็ได้ เพราะเดี๋ยวถึงเวลาพวกมันก็คงย้ายถิ่นฐานไปกันหมด” “ทำไมต้องเสียเงินแพงๆจ้างคนมากำจัดด้วย”  “กำจัดนกพิราบไม่เห็นจะยาก” คำพูดเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าคุณได้ศึกษาถึงอันตรายที่เกิดจากเหล่าบรรดานกพิราบเพราะนกเป็นสาเหตุสำคัญที่เสี่ยงต่อสุขภาพมากมายจากความสกปรกของขี้นก และยังเป็นพาหะในการแพร่กระจายของโรค เช่น โรคไข้สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรคกระดูกอ่อน นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน เพราะขี้นกมีมูลค่าความเป็นกรดสูง สามารถทำให้หลังคาเกิดรอยรั่วได้ หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน อีกทั้งขี้นกยังสามารถกัดกร่อนสายไฟและเครื่องจักรอุตสาหกรรมทำให้เกิดการอุดตัน ขัดข้อง ยิ่งถ้าพวกมันไปทำรังบริเวณป้ายหรือเครื่องจักรที่มีสายไฟและความร้อนรวมทั้งวัสดุที่ใช้ทำรังเป็นกิ่งไม้แห้ง กระดาษ ถุงพลาสติก ยิ่งเป็นเชื้อไฟได้เป็นอย่างดี เพราะเหตุนี้จึงทำให้เกิดไฟไหม้ได้ นี่ยังเป็นแค่ปัญหาเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เกิดจากนกรบกวนพวกนี้ ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ที่คุณประสบปัญหาเหล่านี้แล้ว คุณจะต้องอยากรีบกำจัดนกแน่ๆเลยคะ เพราะยิ่งปล่อยไว้นานวันเข้าการกำจัดนกก็จะทำได้ยากขึ้นอีกด้วยคะ

เชื้อราร้ายในมูลนกพิราบ

เชื้อราร้ายในมูลนกพิราบ

by

ในมูลนกนั้น มีเชื้อราอาศัยอยู่มากมายหลายชนิด แต่เชื้อราที่พบว่ามีอันตรายมากที่สุดคือเชื้อราคริปโตคอคคัส นิโอเฟอร์มานส์ ซึ่งเป็นเชื้อราที่สามารถพบได้ในมูลของนกพิราบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านหรือโรงงานใครที่นกพิราบชอบมาสิงสถิตย์อาศัย และท่านเจ้าของสถานที่ไม่ทำการกำจัดนกออกไปอย่างจริงจัง นกพิราบอาจทิ้งมูลเรี่ยราดไว้ให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อราชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายของเราได้ โดยเฉพาะเชื้อราคริปโตคอสคัส นิโอเฟอร์มานส์นี้ เป็นเชื้อราที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีอย่างมากในช่วงอุณหภูมิ 25 องศา (เท่ากับอุณหภูมิปกติของบ้านเรา) และแพร่กระจายเข้าสู่คนโดยการที่คนสูดเอาสปอร์ของเจ้าเชื้อรานี้เข้าสู่ปอด ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการฟักตัวที่นาน บางคนอาจจะไม่แสดงอาการใดๆในช่วงเวลานั้น แต่อย่าชะล่าใจไปเพราะเจ้าเชื้อรานี้กำลังเพาะโรคขึ้นในตัวเราอย่างช้าๆ ผู้ที่ติดเชื้ออาจมีอาการป่วย หน้ามืด วิงเวียน และมีอาการอาเจียนร่วมด้วย เพราะความร้ายการของเชื้อราชนิดนี้คือการเข้าทำลายปอดโดยตรง ผู้ติดเชื้อจึงมีอาการไอ…

ภูมิปัญญาชาวบ้านในการกำจัดนกพิราบ

by

ปัญหาน่ารำคาญใจจากนกมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล คนสมัยก่อนจึงต้องคิดหาวิธีในการไล่นกพิราบโดยใช้ภูมิปัญหาที่มีอยู่ เช่น การผูกหุ่นฟางแล้วนำไปปักไว้กลางทุ่งนาเพื่อขับไล่นกที่จะมาจิกกินเมล็ดข้าวในทุ่งนาที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้จึงเป็นที่มาของหุ่นไล่กาหรือการนำพริกสดหรือสิ่งต่างๆที่นกไม่ชอบ เช่น เมล็ดองุ่น เปลือกส้ม ไปวางไว้ตามที่ที่นกมาเกาะเพื่อให้ไอร้อนของพริกทำให้นกเกิดอาการแสบร้อนจนทนไม่ได้และหนีไป มีเรื่องเล่ากันว่ที่ประเทศจีนมียอดฝีมือผู้หนึ่งวาดรูปเงาของเหยี่ยวไว้ที่ลานวัดแห่งหนึ่งทำให้นกกลัวจนไม่กล้ามาถ่ายเรี่ยราดตามบริเวณวัด ดังนั้นการใช้เหยี่ยวกำจัดนกพิราบจึงเป็นวิธีที่สามารถไล่นกออกไปได้อย่างถาวร เพราะนกพิราบจะเกิดความหวาดกลัวเมื่อได้กลิ่นกายของนกเหยี่ยว และขนาตตัวที่ใหญ่กว่านกพิราบ แต่วิธีการใช้เหยี่ยวนี้ไม่ใช่ว่าท่านเจ้าของสถานที่จะทำเองได้ เพราะการฝึกเหยี่ยวเพื่อนำมาใช้งานไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผู้ฝึกจะต้องมีความรู้ความชำนาญและเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะควบคุมเหยี่ยวที่เพียบพร้อม อีกทั้งต้องมีความเข้าใจในเหยี่ยวเพื่อให้มันสามารถกำจัดนกพิราบได้ตามที่เราต้องการคะ

นกพิราบยึดเมือง มหันตภัยจากฟากฟ้า

นกพิราบยึดเมือง มหันตภัยจากฟากฟ้า

by

ถ้าใครเคยไปสนามหลวงในอดีตจะเห็นภาพที่ชินตาก็คือการให้อาหารนกพิราบ เพราะว่าบริเวณนั้นจะมีประชากรนกพิราบอยู่กันอย่างหนาตา เป็นเพราะที่นี้มีผู้คนแวะเวียนมาให้อาหารอยู่เรื่อยๆ ทำให้บริเวณนั้นจึงกลายเป็นทั้งรังนอน และพื้นที่หากิน ซึ่งนกพิราบสามารถผลิตประชากรนกได้อย่างรวดเร็วส่งผลให้อัตราการเจริญเติบโตของนกพิราบมีมากขึ้น นกจึงเริ่มมีการขยายตัวออกไปสู่พื้นที่เมืองมากขึ้นตามลำดับ จะเห็นได้จากตามโรงงาน อาคารบ้านเรือน วัด หรือสถานที่ราชการ และเพราะจำนวนนกพิราบมากขึ้นนี้เอง ปัญหาหรือความเดือดร้อนก็ทวีมากขึ้นตามลำดับ ทั้งการถ่ายมูดสร้างความสกปรกไว้ให้ตามอาคารบ้านเรือนตางๆ สิ่งที่อันตรายอีกอย่างก็คือเชื้อโรคที่สามารถแพร่กระจายมาสู่คนก็เป็นอีกปัญหาที่เราไม่สามารถนิ่งเฉยได้ต้อง ปัจจุบันจึงมีการใช้วิธีต่างๆในการควบคุมปริมาณนกพิราบและการกำจัดนกพิราบ เช่น การใช้เสียงดัง ใช้โมบายรูปเหยี่ยวไล่นก ใช้ตาข่าย หรือเหล็กแหลมติดตั้งไว้ป้องกันนกเข้ามาทำรังหรือบินมาเกาะแม้ว่าวิธีการเหล่านี้จะเป็นการกำจัดนกพิราบแค่ปลายเหตุ ทางที่ดีเราควรเริ่มจากการกำจัดแหล่งอาหารที่มาจากการให้อาหารของประชาชนในพื้นที่สาธารณะ เพราะถ้าไม่เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน สุดท้ายนกพิราบอาจจะยึดเมืองและทำให้คนต้องอพยพไปแทนก็ได้คะ

ปัญหาจากนกพิราบที่ไม่มีวันสิ้นสุด

by

ปัจจุบันคนเมืองได้มีการลุกล้ำเข้าไปเบียดเบียนธรรมชาติมากขึ้นส่งผลให้สัตว์ที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในป่าต้องออกมาหาอาหารการกินเพื่อสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์คืนบ้าง นกพิราบก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้เข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน โครงสร้างอาคาร สินค้า และผลผลิตทางการเกษตร และยังเป็นตัวการสำคัญในการแพร่กระจายเชื้อโรคหลายชนิดมาสู่มนุษย์ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี, โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, โรคปอดอักเสบเฉียบพลัน, โรคปอดบวม, ไข้กาฬหลังแอ่นและไข้หวัดนกเป็นต้น ดังนั้นมนุษย์จึงคิดค้นวิธีต่างๆเพื่อกำจัดนกและป้องกันก่อนที่นกจะมาสร้างปัญหาซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เช่น การใช้แสงไฟส่อง หรือการใช้กระจกสะท้อนแสงจะทำให้นกแต่รู้สึกตกใจในแว่บแรกเท่านั้น พอระยะต่อมานกก็จะเกิดความเคยชินและสามารถปรับตัวได้ การจุดประทัดและการใช้ปืนยิง การยิงจะใช้ได้ผลชั่วขณะที่มีเสียงดัง แต่พอเสียงเงียบไปนกก็จะกลับมาเช่นเดิม ซึ่งวิธีนี้คุณจะต้องยิงปืนหรือจุดประทัดอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา การใช้รูปปั้นสัตว์ต่างๆ ไว้ตรงบริเวณนั้นเพื่อให้นกรู้สึกตกใจกลัว วิธีนี้ก็เหมือนวิธีอื่นๆที่นกจะรู้สึกตกใจกลัวแค่เพียงครั้งแรกเท่านั้น…

ข้อดีของการใช้เหยี่ยวกำจัดนกพิราบ

by

เริ่มแรกเดิมทีถ้าใครได้ยินว่าการใช้เหยี่ยวกำจัดนกพิราบ สิ่งแรกที่นึกถึงคงไม่พ้นความโหดร้าย บาปกรรม หรือว่ารุนแรงเกินไป แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้เหยี่ยวกำจัดนกพิราบเป็นวิธีการที่ดีและได้เห็นผลอย่างชัดเจน เพราะเจตนาของการใช้วิธีนี้เพียงแค่ต้องการไล่ให้นกพิราบออกไปจากบริเวณที่เราไม่ต้องการให้พวกมันมาสร้างรังอยู่ และยังเป็นไปตามกฎของธรรมชาติของสัตว์ที่แข็งแรงกว่าย่อมเอาชนะสัตว์ที่อ่อนแอกว่าเสมอ ดังนั้นเรามาดูข้อดีของการใช้เหยี่ยวกำจัดนกพิราบกันดีกว่าคะ ไม่ทำให้นกพิราบตายในพื้นที่ก็เท่ากับว่าจะไม่มีการส่งกลิ่นเหม็นรบกวน นกพิราบจะรู้สึกกลัวและไม่กลับมาพื้นที่ที่มันรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยอีกเลย เรามีการฝึกเหยี่ยวจนสามารถปฏิบัติการได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะมีการนำไปใช้งานได้จริง ไม่ทิ้งคราบสกปรกจากการกำจัดนกพิราบ ไม่ใช่สารเคมี เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสารตกค้างอันจะก่อให้เกิดอันตรายต่อคนในครอบครัว นกพิราบจะไม่กลับมาสร้างรังก่อความรำคาญใจให้กับคุณอีก ไม่ต้องเตรียมการ หรือเตรียมสถานที่ในการกำจัดนกพิราบ เหยี่ยวจะไม่ทำอันตรายกับคนในขณะที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ เพียงเท่านี้คุณคงเห็นข้อดีของการใช้เหยี่ยวในการกำจัดนกพิราบ ซึ่งยังไม่มีที่ไหนกล้านำวิธีการนี้มาใช้อย่างแน่นอน เพราะการใช้เหยี่ยวกำจัดนกพิราบจะมีต้นทุนในการนำเหยี่ยวมาฝึกที่สูงมาก Bird Control…

เหยี่ยวกำจัดนกพิราบได้อย่างไร

เหยี่ยวกำจัดนกพิราบได้อย่างไร

by

พิราบจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีความเฉลียวฉลาด มีสัญชาตญาณในการระแวดระวังและการเอาตัวรอดสูง และยังเป็นสัตว์ที่มีความเป็นระเบียบในฝูง ดังนั้นการที่เราจะใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆในการนำมากำจัด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง นกพิราบก็จะสามารถเรียนรู้ได้ว่า อุปกรณ์ที่เรานำมาล่อหลอกมันนั้นเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใดๆกับพวกมันเลยทำให้วิธีการดังกล่าวก็ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีก แต่สำหรับเหยี่ยวจัดได้ว่าเป็นสัตว์ล่าเนื้อตามธรรมชาติ และเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดห่วงโซ่อาหารเป็นสัตว์ที่รักสันโดษ หวงถิ่น ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วเหยี่ยว 1 ตัวมีอาณาเขตในการหากินประมาณ 10 กิโลเมตร การนำเหยี่ยวกำจัดนกพิราบก็อาศัยตามกฎธรรมชาติ คือเราจะใช้สัญชาตญาณนักล่าที่มีในตัวเหยี่ยวมาทำการไล่จับนกพิราบ เมื่อในพื้นที่นั้นๆมีเหยี่ยวเข้ามาหากินหรือว่าป้วนเปี้ยน นกพิราบจะเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ว่า พื้นที่นี้ไม่ปลอดภัยเนื่องจากมีนกนักล่ามาหาอาหารในบริเวณนี้ ฝูงนกพิราบก็จะอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่นแทนคะ

วิธีไล่นกพิราบในนาข้าว

วิธีไล่นกพิราบในนาข้าว

by

นกพิราบกับนาข้าวเป็นของคู่กัน เพราะข้าวจัดได้ว่าเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าบรรดานกพิราบ เพราะฉะนั้นที่ไหนมีนาข้าวที่นั้นก็จะมีนกพิราบคอยไปจิกกินสร้างความรำคาญและเสียหายให้กับชาวนาไม่ใช่น้อย วันนี้เราจึงมีวิธีการไล่นกพิราบในนาข้าวแบบง่ายๆ เพื่อให้ท่านที่เป็นเจ้าของที่นาหรือเจ้าของกิจการโรงสีสามารถนำไปประยุกต์ใช้ดูนะคะ นำแผ่นซีดีเก่ามาใช้ประโยชน์ : ถ้าเรามีแผ่นซีดีเก่าเหลือใช้เยอะก็นำมามัดเรียงกัน 3-5 อัน แล้วเอามัดกับหลักไม้ โดยให้แผ่นซีดีห้อยลงมา เพราะเมื่อลมพัดแผ่นซีดีก็จะหมุนไป-มา ทำให้เกิดแสงสะท้อนวูบวาบไปทั่ว นกก็จะรู้สึกตกใจกลัวและไม่กล้าเข้ามาบริเวณนั้นอีกคะ แต่ควรทำอย่างนี้ไว้หลายๆจุดด้วยนะคะ ถุงพลาสติกก็มีประโยชน์ : เพียงแค่คุณเอาหลักมาปักไว้ตามแนวคันนา โดยกะระยะให้แต่ละหลักปักห่างกันสักประมาณ 7 เมตร และให้ความสูงของหลักให้สูงกว่ายอดข้าวประมาณ 5…

ปศุสัตว์เตือนระวังภัยเงียบ “นกพิราบ”

ปศุสัตว์เตือนระวังภัยเงียบ “นกพิราบ”

by

ถึงแม้นกพิราบจะเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ และยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับเด็กๆที่ชื่นชอบการโปรยอาหารให้นกแต่ในขณะเดียวกัน นกพิราบก็เป็นภัยเงียบที่สามารถนำอันตรายมาสู่คนได้อย่างนึกไม่ถึง เพราะการที่เราไปสัมผัสกับนกพิราบหรืออยู่ใกล้ชิดกับนกพิราบมากๆ อาจได้รับเชื้อโรคคลามัยดิโอซีส หรือโรคไข้นกแก้วซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อได้ระหว่างนกด้วยกัน และทำให้เกิดโรคได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดรวมถึงแมวและคนด้วย อีกโรคหนึ่งที่พบได้และทำให้คนเสียชีวิตมาแล้วหลายราย คือ โรคสมองอักเสบจากเชื้อรา คริปโตคอดคัส ซึ่งเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ง่าย และมักพบในมูลของนกพิราบ โดยผู้ที่ได้รับเชื้ออาจจะมีอาการป่วยอย่างเฉียบพลัน หรืออาจจะเป็นแบบเรื้อรังก็ได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานการพบเชื้อไข้หวัดนก (H5N1) ในนกพิราบที่ตกลงมาตายอีกด้วย

นกพิราบตัวการสำคัญในการแพร่เชื้อ

นกพิราบตัวการสำคัญในการแพร่เชื้อ

by

เชื้อแบคทีเรีย Chlamydophila psittaci เป็นแบคทีเรียแกรมลบ มีรูปร่างโค้งงอ เป็นสาเหตุสำคัญของโรคทางเดินอาหารอักเสบและอาหารเป็นพิษ เชื้อชนิดนี้ก่อให้เกิดอาการรุนแรงมากกว่าแบคทีเรียที่ติดเชื้อจากการหายใจหลายชนิด มีรายงนแสดงให้เห็นว่าแต่ละปีมีคนทั่วโลกติดเชื้อชนิดนี้ประมาณ 2-4 ล้านคน อาการเริ่มแรกจะคล้ายไข้หวัด เพราะต้องอาศัยเวลาในการฟักตัว หากรุนแรงมากอาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งจากศูนย์วิจัยสุขภาพสัตว์ เมืองแมดริด ประเทศสเปน ร่วมกับทีมวิจัยตรวจตัวอย่างเลือดและตัวอย่างจากการสวนทวารของนกพิราบจำนวน 118 ตัว พบว่า 69.1% มีการส่งผ่านเชื้อโรคจากนกพิราบมาสู่คนเป็น ซึ่งอาจจะเกิดจากการสัมผัสมูลของมันหรือว่าการแพร่ะกระจายของเชื้อโดยการส่งผ่านทางอากาศ นกพิราบจึงเป็นสัตว์ที่ดูแล้วไม่น่ามีพิษภัยอะไร…